M.K. Unigroup Corporation

การเรียกชื่อ เบเกอรี่ ที่มาจากลักษณะเฉพาะ

admin01
mkunigroup

การเรียกชื่อ ของ เบเกอรี่ ( Bakery ) ชนิดต่าง ๆ ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน อาจมีการตั้งชื่อขนมชนิดนั้น โดยนิยามขึ้นใหม่ หรืออาจตั้งจาก ลักษณะเฉพาะ ของเบเกอรี่ชนิดนั้น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับสิ่งที่มีเกิดขึ้นมาก่อนแล้วได้ เบเกอรี่เหล่านั้น จะมีชนิดใดบ้าง มาติดตามกันครับ

 

ชื่อของสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร สิ่งของ หรือสถานที่ ล้วนมีที่มาที่ไปเกี่ยวกับชื่อเหล่านั้น เบเกอรี่ ( Bakery ) ก็เช่นกัน ที่หลากหลายชนิด มีการตั้งชื่อ ตามลักษณะของ เบเกอรี่ชนิดนั้น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับ สิ่งที่อยู่ในธรรมชาติ หรือสิ่งของที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว โดยมีเบเกอรี่ ดังต่อนี้

 

1. วาฟเฟิล (  Waffle  )

 

วาฟเฟิล หรือที่คนไทยรู้จักกันอีกชื่อว่า "ขนมรังผึ้ง" ขนมที่ทำจาก แป้งสองแผ่น เป็นลาย และขนาด ตามเครื่องวาฟเฟิลที่ใช้ทำ  คำว่า  Waffle มีที่มาจาก ภาษาดัตช์ว่า Wafel ที่ถูกใช้ในกลางศตวรรษที่ 13 และคำว่า Walfre ที่มีการปรากฎขึ้นในปี ค.ศ. 1185 โดยทั้ง 2 คำนั้น มีรากศัพท์ walfa ซึ่งหมายถึง รังผึ้ง หรือเค้ก จึงสรุปได้ว่า ขนมวาฟเฟิล ที่แปลว่า รังผึ้ง นั้น เป็นเพราะขนมมีหน้าตาเหมือนรังผึ้ง นั่นเอง

 

นอกจากนี้ ทั่วทั้งยุโรปสมัยใหม่ และยุคกลาง ยังมีการสะกดชื่อนี้เป็นคำอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การสะกดคำอื่นๆ  ได้แก่ waffe, wafre, wafer,  waufre, iauffe, gaufre, goffre, gauffre, wafe, waffel, wafe, vaffel เป็นต้น

 

2. ครัวซอง ( Croissant )

 

ครัวซอง ขนมยอดฮิตที่คนไทย และหลายคนรู้จักกันดี  ลักษณะของครัวซองต์ที่ดี ภานอกจะต้องกรอบ ชั้นในเป็นโพรงอากาศเล็กน้อย เนื้อมีความเบา นุ่ม และหอม ที่มาของชื่อ Croissant นั้นมาจากลักษณะของมันที่มีลักษณะโค้ง เหมือนกับ พระจันทร์เสี้ยว ตรงตัวเลย

 

3. บาแก็ต  ( Bagueete )

 

บาแก็ต ชื่อนี้อาจไม่คุ้นหูใครหลายคน แต่หากบอกว่า บาแก็ต คือ ขนมปังฝรั่งเศส ก็ต้องนึกขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะ บาแก็ต หรือขนมปังฝรั่งเศสนั้น เป็นขนมปังที่มีลักษณะเฉพาะตัวอย่างมาก คือ เป็นแท่งยาว ขนาดใหญ่ และมีเนื้อสัมผัสที่ดูแข็งกว่าขนมปังชนิดอื่น ๆ คำว่า Bagueete แปลว่า ไม้ , กระบอง หรือแท่ง โดยมีการเรียกชื่อนี้เป็นครั้งแรก ในปี ค.ศ.1920 ซึ่งเป็นไปตามลักษณะของ ขนมปังฝรั่งเศส อย่างแท้จริง ที่มีลักษณะเป็นแท่ง เหมือนไม้

 

4. เซียบัตต้า ( Ciabatta )

 

เป็นขนมปังสัญชาติอิตาลี ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1982 โดย Arnaldo Cavallari  เซียบัตต้า มีส่วนผสมหลัก คือ แป้งสาลี น้ำ ยีสต์ และเกลือ  Arnaldo Cavallari   ผู้คิดค้นเซียบัตต้านั้น ได้เห็นว่า เซียบัตต้า มีลักษณะที่เหมือนกับ รองเท้าของภรรยาของเขา จึงตั้งชื่อว่า Ciabatta ซึ่งแปลว่า ‘รองเท้า’ ในภาษาอิตาลี ขึ้นมาเรียกชื่อขนมชนิดนี้

 

5. ชูครีม ( Choux Cream )

 

ขนมที่มีลักษณะเป็นก้อน ด้านในมีไส้ มีหน้าคล้ายกับขนมเอแคลร์ ชูครีม เป็นขนมที่มี ส่วนผสมหลักคือ แป้งชู เนย นม และน้ำ คำว่า ชูครีม ที่คนไทยเรียกชื่อ ขนมนี้กัน เกิดจากการรวบคำ ซึ่งจริง ๆ แล้วชาวต่างชาติ จะออกเสียง Choux Cream ว่า "ชูซ์ อา ลาเคร์ม" ซึ่งคำว่า ชูซ์ ในภาษาฝรั่งเศสนั้น แปลว่า กะหล่ำปลี

 

6. มิลย์ เฟย ( Millefeuille )

 

ขนม เบเกอรี่ สัญชาติฝรั่งเศส ขนมที่ใช้แป้งพาย หรือแป้งชั้น ( Puff Pastry ) บางกรุบกรอบ วางซ้อนสลับ กับวิปครีมหรือแยมเป็นชั้น ๆ และแต่งหน้าด้วยน้ำตาลไอซิ่ง และเส้นช็อกโกแลตอย่างสวยงาม ที่มาของขนมชนิดนี้ว่า  Millefeuille แปลตรงตัวในภาษาฝรั่งเศส ได้ว่า "ใบไม้พันใบ" ซึ่งมาจาก ลักษณะของ แป้งชิ้นบางของ มิลย์เฟย ที่บางเหมือนกับ ใบไม้ นั่นเอง

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เคล็ดไม่ลับ ทำ เค้ก อย่างไรให้สมบูรณ์แบบ

จัดอันดับ เบเกอรี่ ยอดฮิตที่คนให้ความสนใจ