ครัวซองต์ ทำยากไหม

ครัวซองต์ ทำยากไหม

 

การทำขนมทุกประเภท ล้วนมีวิธีทำและขั้นตอนที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็น คุกกี้ เค้ก ขนมปัง หรือแม้กระทั่ง ครัวซองต์ ก็มีขั้นตอนที่เยอะเช่นเดียวกัน แต่เดี๋ยวนี้เรามีตัวช่วยที่ทำให้ขั้นตอนการทำขนมนั้นง่ายขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องตวง เครื่องตีแป้ง ผสมแป้งอัตโนมัติ และอุปกรณ์เครื่องมือที่ช่วยในการทำ เบอเกอรี่

 

และวิธีการทำครัวซองต์นั้นก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้แค่มีสูตรจากอินเทอร์เน็ต เอาล่ะ อันดับแรกเราขอเกริ่นประวัติความเป็นมาของครัวซองต์ ขนมปังยอดฮิตทานคู่กับกาแฟก็อร่อย ชาก็ดี กินกันนมก็เริ่ด เราไปดูประวัติของครัวซองต์กันก่อนแล้วกันนะ

 

ต้นกำเนิดของครัวซองต์ ย้อนกลับไปได้ถึงปี 1683 เมื่อกองทัพเติร์กยกพลมาปิดล้อมกรุงเวียนนาอยู่หลายเดือน แต่ก็ยังไม่สามารถตีกรุงเวียนนาได้เสียที วันหนึ่งทหารเติร์กขุดกำแพงเมือง เพื่อเจาะอุโมงค์เข้าไปในเมือง คนทำขนมปังทำงานทั้งวันทั้งคืนก็ได้ยินเสียงบางอย่างจึงส่งสัญญานเตือน ทำให้ชาวเวียนนารอดมาได้

 

หลังจากนั้นกษัตริย์จอห์นที่ 3 ก็ยกทัพมาช่วย บรรดาคนทำขนมปังจึงพากันเฉลิมฉลองด้วยการจำลองรูปพระจันทร์เสี้ยวบนธงมาทำเป็นขนม แล้วเรียกว่า “คิปเฟล” ตามภาษาเยอรมัน ซึ่งหมายถึงพระจันทร์เสี้ยว (crescent) นั่นเอง

 

แล้ว “คิปเฟล” ก็เพี้ยนเป็น “ครัวซองต์” (croissant) ในปี 1770 เมื่อพระนางมารี อังตัวเน็ตต์ เจ้าหญิงจากออสเตรียสมรสกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ชาวปารีสจึงอบขนมนี้ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่พระนาง และเรียกว่า “ครัวซองต์”

 

ส่วนผสม ของ ครัวซองต์ มีดังนี้

• นม (เย็น) 1 ถ้วย (250 ml)
• น้ำร้อน 1/2 ถ้วย (125 ml)
• ยีสต์แห้ง (Active dry yeast) 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาล 1/4 ถ้วย (50 กรัม)
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3 + 3/4 ถ้วย (500 กรัม) 
• เกลือ 1 ช้อนชา
• เนย 1 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ (9 0z/ 250 กรัม) แช่แข็งแล้วทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง 20 – 30 นาที ก่อนนำมาปรุง

 

หลังจากที่เราเตรียมส่วนผสมเสร็จแล้ว เราก็ทำการเตรียมการทำกันเลยจ้า อันดับแรกเราต้องเทนมและน้ำร้อนลงในถ้วยผสมใบใหญ่ ใส่ยีสต์และน้ำตาล คนให้เข้ากัน พักทิ้งไว้ 5 นาที จนเริ่มมีฟอง จากนั้นใส่แป้งและเกลือ ผสมส่วนผสมให้เข้ากันด้วยมือ แล้วนำส่วนผสมทั้งหมดเทลงบนโต๊ะสะอาด นวดแป้งให้เข้ากันด้วยมือ (ควรใช้เวลาประมาณ 2 นาที) นำแป้งที่นวดแล้วใส่ในถ้วยที่ทาน้ำมันเคลือบไว้ แช่ตู้เย็น 1 ชั่วโมง

 

เมื่อแช่แป้งในตู้เย็นได้ 30 นาทีแล้ว ให้มาเตรียมเนยที่จะใช้ โดยปูพลาสติกห่ออาหารบนโต๊ะ เสร็จแล้วนำเนยแช่แข็งที่ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง 20 – 30 นาที แล้ว มาขูดให้เป็นฝอย กระจายเนยให้ทั่ว ๆ เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดประมาณ 8 * 5 นิ้ว เสร็จแล้วห่อด้วยพลาสติกห่ออาหาร แช่เย็นประมาณ 30 นาที จากนั้น นำแป้งที่แช่เย็นมานวดให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดประมาณ 16 * 10 นิ้ว

 

ต่อมาคือนำเนยมาแกะพลาสติกห่ออาหาร วางเนยลงตรงกลางแป้งโดว์ แล้วพับให้เป็นสามทบดังรูป กดมุมแป้งให้เข้ากัน หมุนแป้งให้อยู่ในแนวนอน นำไม้นวดแป้งมาทำรอยกด จากนั้นนวดแป้งให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดประมาณ 15 * 10 นิ้ว พอเสร็จแล้วห่อแป้งให้เป็นสามทบดังรูป ห่อแป้งด้วยพลาสติกห่ออาหารและแช่เย็น 1 ชั่วโมง

 

เมื่อแช่เย็นครบ 1 ชั่วโมงแล้ว นำแป้งมาแกะพลาสติกห่ออาหารออก ทำแป้ง 1 รอบ อย่าลืมนำกลับไปห่อพลาสติกห่ออาหารและแช่เย็น 1 ชั่วโมง หั่นแป้งให้เป็นสี่ชิ้น ห่อพลาสติกห่ออาหาร แบ่งแช่เย็น 8 – 12 ชั่วโมง (ถ้าเก็บในช่องแช่แข็งสามารถเก็บได้ประมาณ 3 เดือน) นำแป้งโดว์ออกมา 1 ชิ้น นวดให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 16 * 6 นิ้ว ตัดให้เป็นสี่เหลี่ยม 3 ส่วน แล้วตัดเป็นสามเหลี่ยม

 

นำแป้งสามเหลี่ยมมายืดออก โดยให้ด้านสั้นเป็นฐาน แล้วยืดด้านหนึ่งให้ยาว ดังรูป ทำรอยบากเล็ก ๆ ที่ฐานสามเหลี่ยม แล้วยืดออกเล็กน้อย ม้วนแป้งจากฐานขึ้นไปหายอด (เจ้าของสูตรแนะนำว่าระหว่างทำข้อ 14 – 15 ให้เก็บแป้งแผ่นอื่น ๆ ไว้ในตู้เย็น) จากนั้นวางแป้งที่ม้วนเสร็จแล้วลงบนถาดอบคุกกี้ ห่อถาดด้วยพลาสติกห่ออาหาร ทิ้งไว้ที่เย็นๆ ให้แป้งขยายตัว ประมาณ 2-3 ชั่วโมง

 

วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียส (450 F) ตีไข่ แล้วใช้แปรงทาไข่ลงบนแป้งครัวซองต์ นำแป้งครัวซองต์เข้าเตาอบ พอนำแป้งเข้าเตาอบแล้วให้ปรับลดอุณหภูมิเตาอบเหลือ 200 องศาเซลเซียส (400 F)   อบ 10 นาที แล้วลดอุณหภูมิลงเหลือ 180 องศาเซลเซียส (350 F) อบต่ออีก 10 – 15 นาที จนครัวซองต์เป็นสีเหลืองทอง นำออกจากเตาอบ พักไว้ให้เย็น

 

จริง ๆ วิธีทำครัวซองต์นั้นสามารถทำได้ง่ายกว่านั้น นั่นก็คือการใช้เครื่องช่วยนั่นเอง และเครื่องที่เราจะมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักก็คือ เครื่องทำครัวซองต์ คือเหมาะมากกับคนที่ประกอบธุรกิจร้านอาหาร หรือ ร้านเบอเกอรี่ เพราะมันจะประหยัดเวลาและแรงของเราไปได้เยอะมาก ๆ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

จุดกำเนิดของ ครัวซอง

บราวนี่ ที่รัก !