M.K. Unigroup Corporation

ทำเบเกอรี่ ให้อร่อย ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าคุณรู้เคล็ดลับ

admin01
mkunigroup

ใคร ๆ ก็อยากมี เสน่ห์ปลายจวัก ที่ทำอาหารให้อร่อย วันนี้ มาดูกันว่า ทำเบเกอรี่ ให้อร่อย นั้นจริง ๆ แล้ว ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าคุณรู้เคล็ดลับดี ๆ ที่เราได้นำมาบอก

 

แน่นอนว่าเหล่านักเบเกอรี่ นั้นทราบดีว่ากว่าจะผลิตเบเกอรี่ เพื่อให้มีรสชาติอร่อยและติดใจผู้บริโภค นั้นขึ้นอยู่กับส่วนประกอบพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น น้ำตาล, ไข่, แป้ง และนม โดยมีคุณสมบัติและหน้าที่ต่างกัน แต่เราจะเลือกส่วนประกอบอย่างไร เพื่อให้ได้คุณภาพและเหมาะกับการทำเบเกอรี่ ถ้าพร้อมแล้ว มาดูกันค่ะ

 

 

1. น้ำตาล

ซึ่ง น้ำตาล นั้นเป็นสารให้ความหวาน ให้เบเกอรี่เป็นสีน้ำตาล หลังจากการอบแล้ว หากไม่ใส่น้ำตาลเลย เบเกอรี่จะขาวซีด ไม่ขึ้นฟู และเมื่อตีผสมกับเนยและไข่ต้องละลายเร็ว ถ้าหากละลายช้า จะทำให้เนยเละ มีผลต่อเนื้อสัมผัสของขนมอบและรูปร่างของคุกกี้ แครกเกอร์ และบิสกิต จะช่วยในการตีครีมและไข่ให้มีความคงตัว

 

เทคนิคการเลือกน้ำตาล เพื่อให้เหมาะกับเบเกอรี่ สามารถเลือกได้ดังนี้

- น้ำตาลทราย (Sugar) ควรมีสีขาว มีความสะอาด และมีความละเอียด เพื่อให้ผสมไปกับส่วนผสมอื่นได้ง่าย ๆ

- น้ำตาลแคสเตอร์ (Caster Sugar) เป็นน้ำตาลทรายขาวที่นำมาบดให้มีขนาดเล็ก เหมาะสำหรับในการอบขนม เพราะว่า ละลายเร็ว แต่ควรใช้ทันที หากเก็บไว้ น้ำตาลจะดูดความชื้น และจะจับตัวเป็นก้อน

- น้ำตาลทรายแดง (Brown Sugar) น้ำตาลชนิดนี้ จะมีคาราเมล และความชื้นปนอยู่ เหมาะมากในการทำเค้กผลไม้ คุกกี้หน้านิ่มต่าง ๆ

- น้ำตาลไอซิ่ง (Icing Sugar) ใช้สำหรับในโรยตกแต่ง เคลือบหน้าขนม ให้สวยงาม

 

 

 

 

 

 

2. ไข่

โดย ไข่ไก่ นั้นเหมาะกับการทำเบเกอรี่ที่สุด แต่จะทำให้เบเกอรี่มีคุณภาพ มีความสด ใหม่ ช่วยเรื่องสีของเบเกอรี่ให้เข้มขึ้น และยังช่วยให้ เบเกอรี่ขึ้นฟู ได้ง่าย ๆ และรวดเร็ว แต่ไม่ควรเลือกใช้ไข่เป็ด เพราะว่า ไข่เป็ดฟองใหญ่เกินไป ทำให้เนื้อเค้กแข็งกระด้าง และจะมีกลิ่นคาวผสม ซึ่งปกติแล้วในการทำเบเกอรี่ควรใช้ไข่ไก่ขนาดกลาง นั่นคือ เบอร์ 3 โดย 1 ฟอง มีน้ำหนักเท่ากับ 50 กรัม

 

เทคนิคการเลือกไข่สำหรับทำเบเกอรี่

- ควรเลือกไข่ที่มีรูปทรงกลม เพราะจะมีน้ำหนักมากกว่าไข่ทรงรี

- วิธีเลือกไข่ไก่สดใหม่ ให้คุณเลือกไข่ที่เหมือนมีแป้งฝุ่นฉาบติดอยู่ รู้สึกนวลมือเวลาจับ หากส่องดูกับแสงแดดแล้ว จะมีสีแดงเล็กน้อยและมีลักษณะโปร่งแสง หรือว่าทดสอบไข่โดยการแช่น้ำ ไข่สดจะจมน้ำ ส่วนไข่เก่าจะลอยอยู่ใต้ผิวน้ำ

 

สำหรับ การเก็บรักษาไข่สด ควรเก็บในช่องเก็บไข่ของตู้เย็น ที่อุณหภูมิประมาณ 2-3 องศาเซลเซียส เพราะว่า ความเย็นจะช่วยให้ไข่ไก่มีความสดอยู่ได้นานถึง 2 สัปดาห์ แต่หากเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องไข่จะเสื่อมเร็ว อยู่ได้เพียง 3-4 วัน

 

 

3. แป้ง

 แป้งสาลี ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญในด้านรสสัมผัสของเบเกอรี่ และถือเป็นวัตถุดิบหลัก โดยแป้งสาลีมีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับเบเกอรี่แต่ละประเภท อาทิ

- แป้งขนมปัง ทำมาจากข้าวสาลีชนิดแข็ง จะมีลักษณะเป็นสีครีม เนื้อหยาบ สามารถนำไปทำขนมปังได้ทุกชนิดเลย

- แป้งอเนกประสงค์ ทำจากข้าวสาลีชนิดแข็งและอ่อนมารวมกัน มีสีขาวกว่าแป้งขนมปัง เหมาะสำหรับทำแป้งพาย, ปาท่องโก๋ และคุกกี้

- แป้งเค้ก ทำมาจากข้าวสาลีชนิดอ่อน มีความละเอียด และมีสีขาวกว่าแป้งขนมปังและแป้งสาลีอเนกประสงค์

 

 

4. นม

ซึ่ง นม นั้น ทำหน้าที่เป็นตัวประสานส่วนประกอบต่าง ๆ เพื่อให้เป็นเนื้อเดียวกันได้ดี ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยเพิ่มความชื้นให้เบเกอรี่ เพิ่มรสชาติให้อร่อยขึ้น อีกทั้ง นม ยังช่วยขับส่วนผสมทุกอย่างในเบเกอรี่ให้ชัดขึ้น ทั้งในเรื่องของรสชาติ, สี และกลิ่น เพราะฉะนั้น ส่วนที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เบเกอรี่ ที่มีความลงตัว คือ นม นั่นเอง

 

เทคนิคง่าย ๆ ในการเลือก นมข้นจืด เมื่อคุณลงมือทำเบเกอรี่สักอย่าง สิ่งสำคัญเลย คือคุณภาพของนม ซึ่งมีเทคนิคง่าย ๆ ได้แก่

- สีของนมต้องสีขาวอมเหลือง ไม่ควรเลือกนมสีเหลืองหรือสีน้ำตาล และไม่ใช่สีขาว

- กลิ่นนมต้องไม่คาว เพราะจะมีผลต่อกลิ่นเบเกอรี่

- ไขมันในนมต้องไม่มีปริมาณมากเกินไป เพราะจะทำให้สัดส่วนของสูตรเบเกอรี่ผิดไปจากเดิม

-  นมต้องมีลักษณะไม่ใสหรือไม่ข้นเกินไป ไม่มีการแยกชั้นต้องรวมตัวเป็นเนื้อเดียวกัน

 

เทคนิคการเก็บรักษานมข้นจืดอย่างถูกวิธี

ซึ่งความจริงแล้วอีกคุณสมบัติของนมข้นจืด นั้นคือ สามารถช่วยยืดอายุเบเกอรี่ให้เก็บรักษาได้นานขึ้น โดยขนมจะมีอายุที่นานกว่า เสียช้ากว่าเมื่อเทียบกับนมสด อาทิ หากทำคัสตาร์ดด้วยนมสดจะเสียเร็วกกว่าการใช้นมข้นจืดเมื่อวางไว้ในอุณหภูมิห้อง แต่อย่างไรก็ตาม เหล่านักเบเกอรี่ควรรู้วิธีการเก็บรักษานมข้นจืดที่ถูกต้องด้วย

1. เก็บในอุณหภูมิห้องปกติ แต่ถ้าเปิดแล้วควรใช้ให้หมดภายใน 24 ชั่วโมง

2. ถ้าใช้ยังไม่หมด หากเป็นรูปแบบกระป๋องควรเปลี่ยนถ่ายใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด เพราะว่า หากวางไว้ในตู้เย็นมีโอกาสเกิดสนิมและกลิ่นของโลหะเข้าไปในนม ความหอมของกลิ่นนมถูกระเหยไป แต่หากเป็นกล่องกระดาษก็จะสะดวกกว่าเพราะมีฝาปิด เก็บรักษาง่าย สะดวกกว่า แถมประหยัดกว่าแบบกระป๋อง 10% ช่วยประหยัดต้นทุนในการผลิตด้วย

 

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ขนมปัง ยอดนิยม ของ คนทั้งโลก มีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

รู้จักกับ เนื้อเค้ก ในรูปแบบต่าง ๆ